Wednesday, August 4, 2010
Monday, August 2, 2010
Saturday, July 31, 2010
Saturday, July 24, 2010
Thursday, July 22, 2010
Wednesday, July 21, 2010
Tuesday, July 20, 2010
Sunday, July 18, 2010
Friday, June 4, 2010
Monday, May 24, 2010
Monday, May 3, 2010
Friday, April 30, 2010
หล่นหายไปตามเวลา
เปล่าเลย ฟลอปปีดิสก์ไม่ใช่เทคโนโลยีเพียงประเภทเดียวที่ถูกเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าผลักไสให้เป็นโบราณวัตถุ แล้วจึงค่อยๆ หล่นหายไปจากเวที ไม่ได้บอกว่ามันหายไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ว่าจำนวนคนที่ใช้สิ่งของเหล่านั้นจำกัดวงแคบเข้าทุกที บางอย่างเด็กรุ่นใหม่อาจต้องใช้จินตนาการแทนการนึกจากภาพที่เคยเห็น
หลายสิ่งอย่างที่ว่า ขอยกตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ สัก 4-5 อย่าง
- พิมพ์ดีด ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2237 เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์แล้ว มันช่างไม่สะดวกเลยกับการพิมพ์งานเอกสาร ยิ่งเมื่อไมโครซอฟต์เวิร์ดเข้ามา พิมพ์ดีด ไม่ว่าจะแบบใช้และไม่ใช้ไฟฟ้า ก็ค่อยๆ หายไป คงมีแต่คนรุ่นเก่าๆ หรือนักเขียนที่รักความคลาสสิกไม่กี่คนที่ยังใช้อยู่
- เครื่องเล่นวิดีโอเทป สร้างขึ้นในปี 2499 เชื่อว่าเด็กหลายคนอาจไม่รู้จักอุปกรณ์ชิ้นนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องแสดงฐานะของผู้มีอันจะกิน ที่สามารถหาซื้อภาพยนตร์บรรจุกล่องมาดูที่บ้านได้ แต่เดี๋ยวนี้เหรอ? มันเทอะทะเกินไปแล้วเมื่อเปรียบกับแผ่นดีวีดีเล็กๆ เบาๆ สักแผ่น แถมคมชัดกว่า
- เทปคลาสเซ็ต ผลิตขึ้นในปี 2506 มันส่งผลอย่างแรงต่อวงการอุตสาหกรรมดนตรี ไม่น่าเชื่อว่าเพียง 4 ทศวรรษ เทปคลาสเซ็ตก็ถูกแทนที่ด้วยซีดีอย่างรวดเร็ว
- ฟิล์มถ่ายภาพ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2428 ในยุคที่การถ่ายภาพสามารถกดเก็บภาพได้ไม่จำกัด เพียงแค่มีเมมโมรีการ์ด ยังไม่ต้องพูดถึงกล้องที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือ ฟิล์มจึงกลายเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มช่างภาพมืออาชีพเท่านั้น ที่ยังคงหลงใหลสิ่งที่จับต้องได้มากกว่าจำนวนพิกเซลล์ที่ลอยในอากาศ
- โทรเลข ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อปี 2380 และไปรษณีย์ไทยก็เพิ่งประกาศหยุดบริการไปเมื่อปีที่แล้ว ก็จะมัวเสียค่าบริการเป็นคำคำ อยู่ทำไม ในเมื่อโทรศัพท์มือถือทำให้เราคุยกับใครก็ได้ในโลก ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงแค่มีสัญญาณโทรศัพท์
หลายสิ่งอย่างที่ว่า ขอยกตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ สัก 4-5 อย่าง
- พิมพ์ดีด ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2237 เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์แล้ว มันช่างไม่สะดวกเลยกับการพิมพ์งานเอกสาร ยิ่งเมื่อไมโครซอฟต์เวิร์ดเข้ามา พิมพ์ดีด ไม่ว่าจะแบบใช้และไม่ใช้ไฟฟ้า ก็ค่อยๆ หายไป คงมีแต่คนรุ่นเก่าๆ หรือนักเขียนที่รักความคลาสสิกไม่กี่คนที่ยังใช้อยู่
- เครื่องเล่นวิดีโอเทป สร้างขึ้นในปี 2499 เชื่อว่าเด็กหลายคนอาจไม่รู้จักอุปกรณ์ชิ้นนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องแสดงฐานะของผู้มีอันจะกิน ที่สามารถหาซื้อภาพยนตร์บรรจุกล่องมาดูที่บ้านได้ แต่เดี๋ยวนี้เหรอ? มันเทอะทะเกินไปแล้วเมื่อเปรียบกับแผ่นดีวีดีเล็กๆ เบาๆ สักแผ่น แถมคมชัดกว่า
- เทปคลาสเซ็ต ผลิตขึ้นในปี 2506 มันส่งผลอย่างแรงต่อวงการอุตสาหกรรมดนตรี ไม่น่าเชื่อว่าเพียง 4 ทศวรรษ เทปคลาสเซ็ตก็ถูกแทนที่ด้วยซีดีอย่างรวดเร็ว
- ฟิล์มถ่ายภาพ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2428 ในยุคที่การถ่ายภาพสามารถกดเก็บภาพได้ไม่จำกัด เพียงแค่มีเมมโมรีการ์ด ยังไม่ต้องพูดถึงกล้องที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือ ฟิล์มจึงกลายเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มช่างภาพมืออาชีพเท่านั้น ที่ยังคงหลงใหลสิ่งที่จับต้องได้มากกว่าจำนวนพิกเซลล์ที่ลอยในอากาศ
- โทรเลข ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อปี 2380 และไปรษณีย์ไทยก็เพิ่งประกาศหยุดบริการไปเมื่อปีที่แล้ว ก็จะมัวเสียค่าบริการเป็นคำคำ อยู่ทำไม ในเมื่อโทรศัพท์มือถือทำให้เราคุยกับใครก็ได้ในโลก ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงแค่มีสัญญาณโทรศัพท์
Sunday, April 25, 2010
Tuesday, April 20, 2010
Monday, April 19, 2010
Thursday, April 15, 2010
Sunday, April 4, 2010
Saturday, April 3, 2010
Tuesday, March 30, 2010
Monday, March 29, 2010
Tuesday, March 23, 2010
เรื่องดีเอามาเล่าต่อ
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา... เรียนเก่งมาก...
ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์....
จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน.... .
บ้านของเด็กหนุ่ม... อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...
ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้ เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง..
เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง...?
ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...
มันห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว....
โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...
ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...
ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?
80 บาท...
OK...ไปเลยลุง....!
ในขณะที่ลุงแจวเรือ... หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย....
ความก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง...
เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...
ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง...?
! ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน...?
ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม...?
ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...
โอโฮ้...ล ุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว...25 %....
แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง...?
ลุงไม่รู้หรอก...
ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %
ลุง....ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง....?
ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง....?
ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...
ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...
ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...
ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้....ชีวิตของลุง...หายไปแล้ว...75 %
พอดีช่วงนั้น... เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...
นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...
ลุงอยา กถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?
ได้...จะถามอะไรหรือลุง...?
เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม...?
ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....
ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ...แล้วพ่อหนุ่ม..
ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์....
จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน.... .
บ้านของเด็กหนุ่ม... อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...
ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้ เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง..
เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง...?
ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...
มันห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว....
โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...
ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...
ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?
80 บาท...
OK...ไปเลยลุง....!
ในขณะที่ลุงแจวเรือ... หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย....
ความก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง...
เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...
ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง...?
! ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน...?
ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม...?
ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...
โอโฮ้...ล ุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว...25 %....
แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง...?
ลุงไม่รู้หรอก...
ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %
ลุง....ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง....?
ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง....?
ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...
ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...
ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...
ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้....ชีวิตของลุง...หายไปแล้ว...75 %
พอดีช่วงนั้น... เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...
นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...
ลุงอยา กถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?
ได้...จะถามอะไรหรือลุง...?
เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม...?
ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....
ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ...แล้วพ่อหนุ่ม..
Monday, March 22, 2010
Saturday, March 20, 2010
Wednesday, March 17, 2010
ดุอาร์ไปเยี่ยมกุโบร์ ดีมากครับ
1 อัลลอฮุม-มัฆฟิร ลิหัยยินา วะ-มัยยิตินา วะ-ชาฮิดินา วะ-ฆออิบินา วะ-เศาะฆีรินา วะ-กะบีรินา วะ-ซะกะรินา วะ-อุนษานา
2 อัลลอฮุมมะ มัน อะหยัยตะฮู มินนา ฟะอะหยิฮี อะลัล-อิสลาม วะ-มันตะวัฟฟัยตะฮู มินนา ฟะ-ตะวัฟฟะฮุ อะลัล-อีมาน
3 อัลลอฮุมมะ ลา ตะหริมนา อัจญ์เราะฮู วะ-ลาตุฏิลละนา บะอดะฮู
คำแปล
1 โอ้อัลลอฮ โปรดอภัยโทษให้แกผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และ ผู้ที่ตายไปแล้วในหมู่พวกเราที่ปรากฏ และที่ไม่ปรากฏอยู่ ณ ที่นี้ ทั้งผู้ที่เยาว์วัยและผู้ที่สูงวัยทั้งหญิงชายของพวกเราฃ
2 โอ้อัลลอฮ ผู้ใดที่พระองค์ทรงให้มีชีวิตอยู่ในหมู่พวกเรา ขอได้โปรดให้เขามีชีวิตอยู่ในอิสลาม [หมายความว่า ให้มีชีวิตอยู่ในฐานะผู้ยอมมอบตนโดยสิ้นเชิงยังพระประสงค์แห่งอัลลอฮ] และผู้ใดที่พระองค์ทรงเอาชีวิตของเขาไปจากพวกเรา ขอได้โปรดเอาชีวิตของเขาขณะที่เขาอยู่ในการศรัทธา
3 โอ้อัลลอฮ ขอได้โปรดอย่าได้ขาดรางวัลจากการตายของเขา และ อย่าให้พวกเราหลงทาง
2 อัลลอฮุมมะ มัน อะหยัยตะฮู มินนา ฟะอะหยิฮี อะลัล-อิสลาม วะ-มันตะวัฟฟัยตะฮู มินนา ฟะ-ตะวัฟฟะฮุ อะลัล-อีมาน
3 อัลลอฮุมมะ ลา ตะหริมนา อัจญ์เราะฮู วะ-ลาตุฏิลละนา บะอดะฮู
คำแปล
1 โอ้อัลลอฮ โปรดอภัยโทษให้แกผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และ ผู้ที่ตายไปแล้วในหมู่พวกเราที่ปรากฏ และที่ไม่ปรากฏอยู่ ณ ที่นี้ ทั้งผู้ที่เยาว์วัยและผู้ที่สูงวัยทั้งหญิงชายของพวกเราฃ
2 โอ้อัลลอฮ ผู้ใดที่พระองค์ทรงให้มีชีวิตอยู่ในหมู่พวกเรา ขอได้โปรดให้เขามีชีวิตอยู่ในอิสลาม [หมายความว่า ให้มีชีวิตอยู่ในฐานะผู้ยอมมอบตนโดยสิ้นเชิงยังพระประสงค์แห่งอัลลอฮ] และผู้ใดที่พระองค์ทรงเอาชีวิตของเขาไปจากพวกเรา ขอได้โปรดเอาชีวิตของเขาขณะที่เขาอยู่ในการศรัทธา
3 โอ้อัลลอฮ ขอได้โปรดอย่าได้ขาดรางวัลจากการตายของเขา และ อย่าให้พวกเราหลงทาง
Tuesday, March 16, 2010
Sunday, March 14, 2010
เรื่องการ format
เมื่อวานนี้ก็ได้ format เครืองมือถือ พอทำเสร็จแล้ว ก็เริ่มจะต้องลงโปรแกม แต่ว่ามีปัญหาลงไม่ได้ ปวดหัวทั้งวันทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ คิดว่าอาจจะต้องส่งไปร้านแล้ว แต่ว่า ก็ต้องกลับมาดูอีกทีว่าเป็นเพราะอะไร พอดีสิ่งที่เกิดนะ เป็นเพราะว่า เวลาเรา format เครืองแล้ว มันก็ต้องคืนค่าทั้งหมดเราต้องเริ่มมาตั้งใหม่หมด ในเรื่องของเวลา วันที่ เดือน ปี พ ศ เหตุที่มันลงโปรแกมไม่ได้ก็เพราะว่าเราไปตั้ง พ ศ ผิดไปปีนี้คือปี 2010 แต่ว่าเราดันไปคิดว่าปีนี้ คือปี 2009 ก็เลยมีปัญหา ลงโปรแกมไม่ได้ เพราะว่าบางโปรแกมมันต้องทำงานกับเวลา ด้วย เหตุแบบนี้ก็เคยไปเจอเวลาที่ format เครือง pc ลง window ใหม่ ก็ลง พศ ผิดไปทำให้ลง man ไม่ได้และหลายโปรแกมก็ลงไม่ได้ กว่าจะมาเจอปัญหา ก็เล่น format เครืองไปหลายทีเหมือนกัน โปรดสังเกตุด้วยนะ
Friday, March 12, 2010
ไปอุตรดิษย
สำหรับวิดิโอนี้ก็หลายวันแล้วไปได้มีธุระไป จ อุตรดิษย์ ระว่างนั่งรถทั้งไปและกลับก็เห็นบรรยากาศดีๆ ก็เลยเอามาแบ่งปันนะ
ไอ้ติมของร้านไอ้จิว
ถ้าอาการร้อนๆก็จะพากันไปกินประจำนะที่ร้านไอติมของไอ้จิว มีหลากหลายมาก และอร่อยที่สุด แบบว่าไปกินที่ไหนมาหมดแล้ว ก็จะสู้ของเขาไม่ได้เลย พวกนครสวรรค์ก็ทราบดี เหตุเพราะว่า เขาแตกสาขา ออกไปอยู่ที่ จ กำแพงเพชร เวลามีงาน หลังเขาก็จะใช้บริการสั่งไปเป็นถังเลยครับ อย่างเช่นงานวันอีด ก็จะเห็นประจำเลย สำหรับผม เกือบจะแทบทุกวัน และเด็กๆที่อยู่ตานี เวลากลับบ้านก็จะไปกินกันประจำโดยเฉพาะ หลานยา จะซื้อมาไว้ในตู้เย็นสแปร์ไว้เลยนะ หลายๆๆกล่อง
ขนมปังป้ง
Sunday, March 7, 2010
แฟนโนเกียใช้สไกป์โทรผ่านเน็ตได้แล้ว
แฟนโนเกีย (Nokia) เตรียมประหยัดค่าโทรมือถือด้วยโปรแกรมโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้แล้ว เพราะวันนี้โนเกียเปิดให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีอยู่มากกว่า 200 ล้านเครื่องทั่วโลก ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสไกป์ (Skype) แอปพลิเคชัน VoIP ยอดฮิตได้ฟรีบนร้าน Ovi app store
Tuesday, March 2, 2010
แนะนำเวบของ นาย อำเภอ
วันนี้เอาเวบดีมากฝาก ของนายอำเภอ เวบเขาดีนะครับอ่านเข้าใจง่าย แล้วก็ให้เรารู้ข่าวสารอะไรที่เร็วๆด้วยนะ ลองเข้าไปชมกันนะ
http://www.amphur.in.th/
http://www.amphur.in.th/
Monday, March 1, 2010
สัญญาณวันสิ้นโลก (สัญญาณวันกิยามะห์)
สัญญาณวันสิ้นโลก หรือ สัญญาณวันกิยามะห์ มีอะไรบ้างมาดูกันครับ ซึ่งหลายๆอย่างได้เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้นอยู่ครับ
ท่าน เชคอาลี อาลี มูฮำหมัด ได้กล่าวถึงสัญญาณวันกิยามะห์ไว้ในหนังสือของท่าน ที่ชื่อว่า "อัชร็อต อัซซาอะห์" ดังต่อไปนี้
สัญญาณย่อย ได้แก่
1. แผ่นดินไหวจะมีมาก
2. ลมพายุจะรุนแรง
3. ความตายจะดาษดื่น (จากโรคร้าย)
4. มนุษย์จะแข่งขันประดับประดามัสยิด
5. คนโกหกจะได้รับความเชื่อถือ คนพูดจริงกลับถูกมองว่าโกหก
6. คนทุจริตจะปลอดภัย คนไว้วางใจได้กลับถูกบิดพริ้ว
7. การผิดประเวณี (ซินา) จะดาษดื่น
8. สุรา ดอกเบี้ย เป็นสิ่งอนุมัติ
9. ในมัสยิดมีเสียงอึกทึก
10. คนรุ่นหลังจะประณามคนรุ่นก่อน
11. ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง
12. ผู้ใหญ่จะรับใช้เด็ก
13. อุตริกรรม (บิดอะห์) จะปรากฎชัด
14. ความอายจะน้อยลง
15. สตรีจะประพฤติตัวเหมือนบุรุษ ส่วนบุรุษจะประพฤติตัวเหมือนสตรี
16. สตรีจะนุ่งน้อยห่มน้อย
17. ผู้ทุจริตได้รับการช่วยเหลือ ผู้ถูกละเมิดกลับถูกทอดทิ้ง
18. ผู้คนจะอ่านอัลกุรอานกันเพียงลิ้น (ขาดการกฏิบัติตาม)
19. การนินทาให้ร้ายจะมีมาก
20. การสาบานด้วยสิ่งอื่นจากอัลเลาะห์จะมีมาก
21. การหย่าร้างเกิดขึ้นมาก
22. ความชั่วช้าเลวทราบจะปรากฎชัด
23. มนุษย์จะปฏิบัติตามอารมณ์กิเลสและตัณหา
24. บุรุษจะถูกทำลาย เพราะทรัพย์สินเป็นเหตุ
25. มนุษย์จะตัดขาดญาติมิตร
26. สมาธิของคนละหมาดจะหายไป
27. ประชาชาติจะแตกออกเป็น 70 กว่าจำพวก
28. วันและเวลาจะสั้นลง จนกระทั่งหนึ่งปีเสมือนหนึ่งเดือน และหนึ่งเดือนเสมือนหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์เหมือนหนึ่งวัน
29. การแต่งงานเกิดขึ้น เพราะสมบัติเป็นเหตุ
30. เรื่องราวของมนุษย์ ล้วนเป็นความโลภโมโทสัน
31. การตลาดจะฝืดเคือง
32. การให้เกียรติจะน้อยลง แต่การเหยียดหยามจะมากขึ้น
33. ความรับผิดชอบจะหายไป ความวุ่นวายสับสนจะแทนที่
34. ศาสนาจะถูกซื้อขายด้วยวัตถุทางโลก (ดุนยา)
35. หัวใจมนุษย์หมดสิ้นจากความดี
36. ทานบังคับ (ซะกาต) ถูกนำมาจำหน่ายค่าแรงและถูกมอบให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับ
37. บุรุษจะฆ่ากันโดยไร้เหตุผล
38. ความรู้จะถูกเก็บ คนโง่จะขึ้นแสดงธรรม (บนมิมบัร)
39. เด็กที่เกิดจากการผิดประเวณีจะมีมาก
40. คนที่มีลูกหลานต้องโศกเศร้า เพราะการเนรคุณ
41. สตรีจะทำหน้าที่แทนบุรุษ
42. เด็กจะไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะไม่เมตตาเด็ก
43. ความบริสุทธิ์จะหายไปจากการงาน
44. คนชั่วจะภูมิใจ และโอ้อวดความชั่วของตน
45. การพนันจะมีมาก
46. ผู้บริสุทธิ์จะถูกฆ่าเป็นการล้างแค้น (ไม่ใช่การรับใช้ชาติ)
47. มนุษย์จะถูกเรียกร้องสู่ขุมนรก และหันเหออกจากการภักดีต่ออัลเลาะห์ตาอาลา
ส่วนสัญญาณใหญ่ ได้แก่
1. อิหม่ามมะห์ดีปรากฎตัว
2. ดัจญ้าลเผยโฉม
3. ท่านศาสดาอีซาจะถูกส่งลงมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง
4. ยะญูดและมะญูด พังกำแพงทะลุออกมาได้
5. มีสัตว์ประหลาดออกมาจากแผ่นดิน
6. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
7. มีหมอกควันเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน
8. เกิดไฟประลัยกัลป์ออกมาขับไล่ผู้คนไปรวม ณ ชุมนุมสถาน
9. อัลกุรอาน และความรู้ถูกเก็บ (โดยการล้มตายของบรรดาผู้รู้)
หวังว่าพี่น้องทุกคนจะระลึกถึงอัลลอฮให้มากๆน่ะครับ วัสลาม
ท่าน เชคอาลี อาลี มูฮำหมัด ได้กล่าวถึงสัญญาณวันกิยามะห์ไว้ในหนังสือของท่าน ที่ชื่อว่า "อัชร็อต อัซซาอะห์" ดังต่อไปนี้
สัญญาณย่อย ได้แก่
1. แผ่นดินไหวจะมีมาก
2. ลมพายุจะรุนแรง
3. ความตายจะดาษดื่น (จากโรคร้าย)
4. มนุษย์จะแข่งขันประดับประดามัสยิด
5. คนโกหกจะได้รับความเชื่อถือ คนพูดจริงกลับถูกมองว่าโกหก
6. คนทุจริตจะปลอดภัย คนไว้วางใจได้กลับถูกบิดพริ้ว
7. การผิดประเวณี (ซินา) จะดาษดื่น
8. สุรา ดอกเบี้ย เป็นสิ่งอนุมัติ
9. ในมัสยิดมีเสียงอึกทึก
10. คนรุ่นหลังจะประณามคนรุ่นก่อน
11. ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง
12. ผู้ใหญ่จะรับใช้เด็ก
13. อุตริกรรม (บิดอะห์) จะปรากฎชัด
14. ความอายจะน้อยลง
15. สตรีจะประพฤติตัวเหมือนบุรุษ ส่วนบุรุษจะประพฤติตัวเหมือนสตรี
16. สตรีจะนุ่งน้อยห่มน้อย
17. ผู้ทุจริตได้รับการช่วยเหลือ ผู้ถูกละเมิดกลับถูกทอดทิ้ง
18. ผู้คนจะอ่านอัลกุรอานกันเพียงลิ้น (ขาดการกฏิบัติตาม)
19. การนินทาให้ร้ายจะมีมาก
20. การสาบานด้วยสิ่งอื่นจากอัลเลาะห์จะมีมาก
21. การหย่าร้างเกิดขึ้นมาก
22. ความชั่วช้าเลวทราบจะปรากฎชัด
23. มนุษย์จะปฏิบัติตามอารมณ์กิเลสและตัณหา
24. บุรุษจะถูกทำลาย เพราะทรัพย์สินเป็นเหตุ
25. มนุษย์จะตัดขาดญาติมิตร
26. สมาธิของคนละหมาดจะหายไป
27. ประชาชาติจะแตกออกเป็น 70 กว่าจำพวก
28. วันและเวลาจะสั้นลง จนกระทั่งหนึ่งปีเสมือนหนึ่งเดือน และหนึ่งเดือนเสมือนหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์เหมือนหนึ่งวัน
29. การแต่งงานเกิดขึ้น เพราะสมบัติเป็นเหตุ
30. เรื่องราวของมนุษย์ ล้วนเป็นความโลภโมโทสัน
31. การตลาดจะฝืดเคือง
32. การให้เกียรติจะน้อยลง แต่การเหยียดหยามจะมากขึ้น
33. ความรับผิดชอบจะหายไป ความวุ่นวายสับสนจะแทนที่
34. ศาสนาจะถูกซื้อขายด้วยวัตถุทางโลก (ดุนยา)
35. หัวใจมนุษย์หมดสิ้นจากความดี
36. ทานบังคับ (ซะกาต) ถูกนำมาจำหน่ายค่าแรงและถูกมอบให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับ
37. บุรุษจะฆ่ากันโดยไร้เหตุผล
38. ความรู้จะถูกเก็บ คนโง่จะขึ้นแสดงธรรม (บนมิมบัร)
39. เด็กที่เกิดจากการผิดประเวณีจะมีมาก
40. คนที่มีลูกหลานต้องโศกเศร้า เพราะการเนรคุณ
41. สตรีจะทำหน้าที่แทนบุรุษ
42. เด็กจะไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะไม่เมตตาเด็ก
43. ความบริสุทธิ์จะหายไปจากการงาน
44. คนชั่วจะภูมิใจ และโอ้อวดความชั่วของตน
45. การพนันจะมีมาก
46. ผู้บริสุทธิ์จะถูกฆ่าเป็นการล้างแค้น (ไม่ใช่การรับใช้ชาติ)
47. มนุษย์จะถูกเรียกร้องสู่ขุมนรก และหันเหออกจากการภักดีต่ออัลเลาะห์ตาอาลา
ส่วนสัญญาณใหญ่ ได้แก่
1. อิหม่ามมะห์ดีปรากฎตัว
2. ดัจญ้าลเผยโฉม
3. ท่านศาสดาอีซาจะถูกส่งลงมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง
4. ยะญูดและมะญูด พังกำแพงทะลุออกมาได้
5. มีสัตว์ประหลาดออกมาจากแผ่นดิน
6. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
7. มีหมอกควันเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน
8. เกิดไฟประลัยกัลป์ออกมาขับไล่ผู้คนไปรวม ณ ชุมนุมสถาน
9. อัลกุรอาน และความรู้ถูกเก็บ (โดยการล้มตายของบรรดาผู้รู้)
หวังว่าพี่น้องทุกคนจะระลึกถึงอัลลอฮให้มากๆน่ะครับ วัสลาม
Sunday, February 28, 2010
ที่นอนของสำลี
Saturday, February 27, 2010
ร้านน้าวาบที่เชียงราย
ได้มีโอกาศไปเที่ยวร้านน้าวาบที่เชียงรายมา ได้เห็นบรรยากาศขายของให้กับเด็กๆ นาสนุกนะ ของที่ขายก็เป็นพวกโปรแกมเกม และ บัตรเติมเงิน ต่างๆ ตกลงน้าวาบไม่ได้ขายทั้งวันนะ ขายเฉพาะตอนเลิกเรียน และ อีกทีก็ไปขายวันเสาร์ที่ถนนคนเดิน ก็ดีนะไม่เหงาเลยละ ใครที่สนใจ น้าวาบบอกว่ายินดีเลยนะที่จะให้ความรู้และขยายเฟนไชร์ สนใจติดต่อได้เลยนะ
เดินทางไปเชียงราย
Wednesday, February 24, 2010
Monday, February 22, 2010
ทดสอบครับ
ผมมาทดสอบเขียน block บนมือถือดูว่าจะทำได้ดีหรือไม่ ดูแล้วน่าจะไปได้ดีนะก็จะสะดวกมากอีกทางนะ พร้อมกันนี้ก็ลองแนบรูปมาด้วยนะครับ
Sunday, February 21, 2010
Wednesday, February 17, 2010
บทความนี้ได้มาจาก เมล ของเพื่อนสมาชิก
ทำไมเงิน 100 บาท ดูมากเกินไปสำหรับการบริจาคให้กับมัสยิด แต่ทำไมมันดูน้อยเกินไป เมื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้า
ทำไม การละหมาดตอรอวียฺที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนั้นดูยาวนาน แต่ทำไมการแข่งขันของนักฟุตบอลในสนามที่ใช้เวลา 90 นาทีมันดูรวดเร็วเหลือเกิน
ทำไมการใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการอยู่ใน มัสยิดมันช่างยาวนานสำหรับเรา แต่ทำไมการใช้เวลาไปกับการดูหนังในโรงหนังมันดูผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทำไม เราจึงไม่สามารถคิดถึง “ดุอาอฺ” ที่จะกล่าวในยามละหมาด แต่กลับพบว่ามันไม่เป็นเรื่องยากในการที่จะคิดถึงหัวข้อ เรื่องราว ที่จะนำไปพูดคุยกับเพื่อนๆ
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เมื่อมีการทดเวลาในการแข่งขันฟุตบอล หากแต่พร่ำบ่นเมื่อ “การคุฎบะต์” นั้นยาวนานกว่าปกติ
ทำไมมันดูยากเย็นในการที่จะอ่าน “อายะห์” ในอัลกุรอาน หากแต่มันช่างง่ายดายที่จะอ่านนวนิยายขายดีซึ่งมีจำนวนมากกว่า 100 หน้า
ทำไม คนส่วนใหญ่ต่างต้องการที่จะนั่งอยู่แถวหน้าในการดูการแข่งขันกีฬา หรือคอนเสิร์ต หากแต่แย่งกันนั่งอยู่ด้านหลังเมื่อเข้าไปในมัสยิด
ทำไม มันดูยากเย็นที่จะเรียนชารีอะฮฺง่ายๆ เพื่อที่จะนำไปบอกกล่าวต่อผู้อื่น หากแต่ทำไมมันดูง่ายดายที่จะฟังการนินทา ใส่ร้ายและนำไปบอกต่อผู้อื่น
ทำไมผู้คนเชื่อในสิ่งที่หนังสือพิมพ์นำเสนอ หากแต่มีคำถามมากมายกับสิ่งที่อยู่ใน “ฮะดีษ
ทำไมหลายคนต่างต้องการที่จะเข้าสวรรค์โดยที่พวกเขาคิดว่า พวกเขาไม่ต้องมีความเชื่อ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูด หรือไม่ต้องทำอะไรเลย
ทำไม เราสามารถส่งเรื่องตลก เรื่องไร้สาระ ผ่านอีเมลให้ผู้คนมากมาย หากแต่เมื่อเราต้องการส่งข้อความเกี่ยวกับอัลลอฮฺ และอิสลาม เราต่างกลับใช้เวลาคิดแล้วคิดอีก
ทำไม การละหมาดตอรอวียฺที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนั้นดูยาวนาน แต่ทำไมการแข่งขันของนักฟุตบอลในสนามที่ใช้เวลา 90 นาทีมันดูรวดเร็วเหลือเกิน
ทำไมการใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการอยู่ใน มัสยิดมันช่างยาวนานสำหรับเรา แต่ทำไมการใช้เวลาไปกับการดูหนังในโรงหนังมันดูผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทำไม เราจึงไม่สามารถคิดถึง “ดุอาอฺ” ที่จะกล่าวในยามละหมาด แต่กลับพบว่ามันไม่เป็นเรื่องยากในการที่จะคิดถึงหัวข้อ เรื่องราว ที่จะนำไปพูดคุยกับเพื่อนๆ
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เมื่อมีการทดเวลาในการแข่งขันฟุตบอล หากแต่พร่ำบ่นเมื่อ “การคุฎบะต์” นั้นยาวนานกว่าปกติ
ทำไมมันดูยากเย็นในการที่จะอ่าน “อายะห์” ในอัลกุรอาน หากแต่มันช่างง่ายดายที่จะอ่านนวนิยายขายดีซึ่งมีจำนวนมากกว่า 100 หน้า
ทำไม คนส่วนใหญ่ต่างต้องการที่จะนั่งอยู่แถวหน้าในการดูการแข่งขันกีฬา หรือคอนเสิร์ต หากแต่แย่งกันนั่งอยู่ด้านหลังเมื่อเข้าไปในมัสยิด
ทำไม มันดูยากเย็นที่จะเรียนชารีอะฮฺง่ายๆ เพื่อที่จะนำไปบอกกล่าวต่อผู้อื่น หากแต่ทำไมมันดูง่ายดายที่จะฟังการนินทา ใส่ร้ายและนำไปบอกต่อผู้อื่น
ทำไมผู้คนเชื่อในสิ่งที่หนังสือพิมพ์นำเสนอ หากแต่มีคำถามมากมายกับสิ่งที่อยู่ใน “ฮะดีษ
ทำไมหลายคนต่างต้องการที่จะเข้าสวรรค์โดยที่พวกเขาคิดว่า พวกเขาไม่ต้องมีความเชื่อ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูด หรือไม่ต้องทำอะไรเลย
ทำไม เราสามารถส่งเรื่องตลก เรื่องไร้สาระ ผ่านอีเมลให้ผู้คนมากมาย หากแต่เมื่อเราต้องการส่งข้อความเกี่ยวกับอัลลอฮฺ และอิสลาม เราต่างกลับใช้เวลาคิดแล้วคิดอีก
Sunday, February 14, 2010
Saturday, February 13, 2010
Friday, February 12, 2010
Thursday, February 11, 2010
Wednesday, February 3, 2010
Check out ASTV ผู้จัดการออนไลน์:บ้านไหน หลับยาก แนะ 14 วิธีช่วยให้นอนหลับง่าย
Title: ASTV ผู้จัดการออนไลน์:บ้านไหน หลับยาก แนะ 14 วิธีช่วยให้นอนหลับง่าย
Link: http://gotaf.socialtwist.com/redirect?l=795396702016239269511
Link: http://gotaf.socialtwist.com/redirect?l=795396702016239269511
Monday, February 1, 2010
Wednesday, January 27, 2010
บันทึกช่วยจำของ"เหลียงจี้จาง"
บันทึกช่วยจำของ “ เหลียงจี้จาง ”“ เหลียงจี้จาง ” เป็นพิธีกรดังของ TVB ในฮ่องกงและเป็นนักเขียนด้วย
บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ลูก ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากแสดงถึงความห่วงหาอาทรที่พ่อมีต่อลูกเฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆไป
มุมมองของเขาบางเรื่อง(แบบสังคมฮ่องกง) แม้บางคนจะเคยประสบมาบ้างเหมือนกัน อ่านแล้วก็ยังอดอึ้งไม่ได้ เลยถ่ายทอดสู่กันฟัง...
ลูกรัก..ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ
1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่า บางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า
2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก
3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีกในชีวิตของลูก
ขอให้จำสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้ให้ดี
1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป
ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป
( น่ากลัวไหม)
2. ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย
3. ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง 55) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นหาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน
4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆจางหายไป..อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ
5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียน แล้วจะได้ดีความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้
6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน
เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง
7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย
นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้นในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ ( No free lunch)
9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น จงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก
บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ลูก ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากแสดงถึงความห่วงหาอาทรที่พ่อมีต่อลูกเฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆไป
มุมมองของเขาบางเรื่อง(แบบสังคมฮ่องกง) แม้บางคนจะเคยประสบมาบ้างเหมือนกัน อ่านแล้วก็ยังอดอึ้งไม่ได้ เลยถ่ายทอดสู่กันฟัง...
ลูกรัก..ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ
1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่า บางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า
2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก
3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีกในชีวิตของลูก
ขอให้จำสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้ให้ดี
1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป
ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป
( น่ากลัวไหม)
2. ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย
3. ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง 55) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นหาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน
4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆจางหายไป..อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ
5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียน แล้วจะได้ดีความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้
6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน
เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง
7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย
นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้นในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ ( No free lunch)
9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น จงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก
Subscribe to:
Posts (Atom)